เป็นหนี้ดีอย่างไร?

 ผมเป็นอีกคนที่เคยเป็นหนี้ และผมก็เชื่อว่าหลายๆคน ก็เคยเป็น หรือกำลังเป็น 



ผมขอเล่าประสบการณ์เรื่องหนี้ให้ฟัง ครั้งหนึ่งผมก็มีชีวิตปรกติเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป พอกินพอใช้มีเก็บนิดหน่อย แต่เวลาผ่านไปก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไปอีกนั่นหล่ะ ที่อยากได้นู้นได้นี่แบบว่าของมันต้องมี และนี่แหละครับคือ จุดเริ่มต้น 

พอทำงานมาได้ระยะหนึ่งก็เริ่มอยากได้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับชีวิต อยากได้สิ่งของต่างๆเพื่อเป็นหน้าเป็นตาในสังคม 

หนี้ก้อนใหญ่ก้อนแรกของผมคือ "รถยนต์ "

ที่มีระยะผูกพันธ์กับหนี้ก้อนนี้ถึง 6 ปี และก็รถยนต์นี่แหละครับก็คือจุดเริ่มต้นของการไม่มีเงินเก็บ เพราะต้องเอาเงินที่เคยเก็บในแต่ละเดือนมาเป็นค่าผ่อนรถ แต่ก็ยังไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะยังมีเงินเดือนที่คิดว่ามั่นคงมาจ่ายในทุกเดือน 



และแล้วก็นึกอยากได้"บ้าน"ในฝันขึ้นมา
ก็ทำเรื่อง"กู้"สิครับรออะไร และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการหมุนเงินไม่ทัน 

ช่วงปีสองปีแรกก็ยังพอประคับประคองไหวอยู่หรอก แต่ก็เริ่มรู้สึกตึงๆ ไม่ได้กินของดีๆเหมือนก่อน ไม่ได้ไปเที่ยวบ่อยๆเหมือนก่อน เสื้อผ้ารองเท้าก็ไม่ได้ซื้อใหม่มานานมากเริ่มรู้สึกตัวเองลำยากขึ้น เริ่มมีความเครียด ความกังวลใจเข้ามาให้รู้สึกแย่ 



ยิ่งไปกว่านั้นงานประจำที่คิดว่ามั่นคงก็พลิกผัน"โควิด"เป็นเหตุสังเกตได้ ใครจะไปคาดคิดว่าจะมีเหตุการแบบนี้เกิดขึ้น โรคระบาดที่ชื่อว่า โควิด-19 ได้ทำให้หลายๆโรงงานหลายบริษัทหรือหลายกิจการต้องปิดตัวลงพนักงานถูกเลิกจ้างมากมาย หรือโชคดีหน่อยก็แค่โดนลดวันทำงาน ลดเงินเดือน หรือพักงานชั่วคราวเนื่องจากบริษัทไม่สามารถเปิดทำการได้ 

ผมเป็นหนึ่งในอย่างหลัง ตัวผมเองโดนลดวันทำงาน ลดเงินเดือน รวมถึงสวัสดิการต่างๆก็โดนตัดออกเกือบทั้งหมด
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการชักหน้าไม่ถึงหลัง

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือเงินเริ่มไม่พอใช้ หรือเรียกได้ว่าไม่พอกินเลยแหละ ทำไงหล่ะครับทีนี้ ก็เข้าสู่จุดเริ่มต้นของการหยิบยืม และก็ไม่พ้น "หนี้นอกระบบ"ซึ่งดอกเบี้ยนั้นโหดเหลือเกิน แต่ก็ยอมเพราะมันไม่มีจริงๆ แม้รู้ทั้งรู้ว่าอาจไม่มีใช้เลยก็ได้  และอาจเข้าสู่วงจร"ดอกทบต้น"คือใช้แต่ดอกเบี้ยทุกเดือนแต่ต้นไม่ลดลงเลย และแล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ทีนี้ครับ ทั้งความเครียด ความกังวล อารมณ์เริ่มแปรปรวน
มีปัญหาครอบครัว เพราะเริ่มทะเลาะกันเรื่องเงินๆทองๆ
ชีวิตไม่มีความสุขนับจากเริ่มเป็นหนี้นอกระบบ


ทางออกที่คิดได้ต่อมาคือต้องหางานเสริม หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้มีเงินเพิ่มขึ้นมา เลยลองไปทำพวกงานพาร์ทไทม์ต่างๆแต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ เพราะได้น้อยเกินไป
ไม่คุ้มเวลา และความเหนื่อย 

สุดท้ายผมเลยมาลองคิดทบทวนดู ว่าอะไรที่ทำให้เราหลุดจากวงจรชั่วร้ายเรื่องหนี้สินนี้ได้ อะไรที่ทำให้เรามีเงินเยอะๆขึ้นได้ ให้เราลืมตาอ้าปากได้ 

คำตอบคือต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และธุรกิจอะไรหล่ะที่ไม่ต้องลงทุน หรือลงทุนน้อยๆแต่กำไรเยอะ ก็พยามศึกษาหลายธุรกิจมาก สุดท้ายลงเอยด้วยธุรกิจเครือข่าย เมื่อเลือกธุรกิจที่จะทำได้แล้วปัญหาต่อมาคือ แล้วจะเอาเงินที่ใหนไปลงทุน เพราะปัจจุบันหนี้สินที่มีอยู่ก็ใช้จนไม่มีจะกินอยู่แล้ว  

ก็คิดหาทางออกมากมายหลายทางแบบเป็นขั้นเป็นตอนและมีความเป็นไปได้ สรุปคือ

หนทางต่อมา ตัวผมเองต้องลดการจ่ายดอกเบี้ยหนี้นอกระบบมหาโหดก่อน และรวบยอดหนี้ที่มีให้อยู่ในระบบเพราะดอกเบี้ยในระบบถูกกว่าเยอะมาก และสามารถผ่อนต่องวดน้อยๆได้ ลดความเครียด ความกังวลเนื่องจากการถูกทวงหนี้จากเจ้าหนี้นอกระบบแบบโหดๆได้

ผมเริ่มติดต่อธนาคารเพื่อขอสินเชื่อ ขอทำบัตรเครดิต
พอยื่นเรื่องผ่านก็รีบนำเงินไปเคลียร์หนี้นอกระบบให้หมดทันที และรู้มั้ยครับว่า สินเชื่อ หรือบัตรเครดิตที่ธนาคารอนุมัตินอกจากจะเอาไปเคลียร์หนี้นอกระบบหมดแล้วยังมีวงเงินเหลือให้ผมเอาไปลงทุนธุรกิจต่ออีกด้วย และนี่คือจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตใหม่ 


ธุรกิจที่ลงทุนแรกๆอาจลำบากอาจเหนื่อยหน่อยแต่พอเข้าที่เข้าทางผ่านการอดทนเรียนรู้หาประสบการณ์ และมุ่งมั่นทำอย่างต่อเนื่อง(ไม่อดทนไม่มุ่งมั่นได้ไงหนี้รออยู่อีกเยอะ 555) สุดท้ายไปได้สวยมีเงินมาปลดหนี้สินเชื่อ ปลดหนี้บัตรเครดิต จากธุรกิจที่ผมได้ทำ และนี่คือจุดเริ่มต้น
การมีอิสรภาพจากงานประจำ

ธุรกิจไปได้ดีขนาดนี้ผมเลยตัดสินใจออกจากงานประจำมาทำธุรกิจเต็มตัว กลายเป็นเจ้าของธุรกิจหลักล้านที่มีรายได้หลักล้านต่อเดือน 


เดี๋ยวบทความหน้าผมจะมาแชร์เทคนิค ประสบการณ์
การใช้บัตรเครดิตอย่างไรให้เกิดรายได้ หรือให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงมาดูกันว่าธุรกิจที่ผมทำอยู่คือธุรกิจที่ขายฝันหรือไม่

คอยติดตามกันนะครับ 

นนท์ สรานนท์


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โปรโมชั่นบัตรเครดิตใช้อย่างไรให้คุ้ม

แนะนำแหล่งสร้างรายได้

ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคิดยังไง