ผ่อน 0% ใครได้ประโยชน์

การผ่อน 0% ด้วยบัตรเครดิต ใด้ประโยชน์ยังไง เรามาวิเคราะห์กันดูครับ


เริ่มจากบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต อย่างเช่นธนาคาร ฯลฯ จะได้ค่าธรรมเนียมจากการรูดบัตรเครดิต และได้ดอกเบี้ยจากร้านค้า โดยทั่วไปธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจากร้านค้าในอัตราที่ต่ำ และหากคนที่รูดไม่สามารถชำระเต็มจำนวนได้ตามกำหนด คราวนี้แหละครับที่ผู้ออกบัตรเครดิตจะได้เบี้ยปรับกรณีชำระเงินล่าช้า และได้ดอกเบี้ยอีกต่างหาก แล้วรู้ไหมครับว่า การซื้อสินค้าโดยผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ ทีละเดือน หลายคนเวลาจะผ่อนจะพิจาณาแยกเป็นของทีละชิ้น ตัวอย่างเช่น หากเรามีเงินเดือน 30,000 บาท 

เห็นโปรชั่นผ่อน 0% มือถือราคา 25,000 บาท 10 เดือน เราก็จะมองแค่ว่าแค่เดือนละ 2,500 บาท มีปัญญาจ่ายเราก็ซื้อ 

ต่อมาอีกสัปดาห์ เห็นโปรโมชั่นผ่อน 0% โน๊ตบุ๊ค ราคา 35,000 บาท 10 เดือน เราก็จะมองว่าแค่เดือนละ 3,500 บาท มีปัญญาจ่ายเราก็ซื้อ 

อีกสัปดาห์ต่อมา เห็นโปรโมชั่นผ่อน 0% LCD TV ราคา 40,000 บาท 10 เดือน เราก็จะมองแค่ว่าแค่เดือนละ 4,000 บาท มีปัญญาจ่ายเราก็ซื้อ 

แต่เรากลับลืมไปว่า สรุปแล้วเรามีหนี้ที่ต้องจ่ายเดือนละ 2,500 + 3,500 + 4,000 = 10,000 บาท ( 1ใน3ของเงินเดือนเราเลยนะ) ทีนี้แหละโอกาสที่เราจะไม่สามารถชำระหนี้ได้เต็มจำนวนก็มีสูง ผู้ออกบัตรเครดิตก็นั่งยิ่มรอเก็บดอกเบี้ยกับค่าธรรมเนียมของเราอยู่ และที่บริษัทผู้ออกบัตรเครดิตหวังอีกอย่าง กระตุ้นความอยาก ให้เราคุ้นเคยกับการผ่อนสินค้า แล้วในที่สุดเมือเราเคยชินกับการผ่อน ต่อไปต่อให้คิดดอกเบี้ยเราก็จะไม่รู้สึกหนักหนาอะไร สามารถผ่อนได้ เท่ากับพวกเราได้ลูกค้าเพิ่มมาอีกคนแล้ว

ส่วนร้านค้าจะได้ประโยชน์ที่ระบายสินค้าได้เร็ว ได้มาก ได้โฆษณาสินค้า ได้โฆษณาร้านค้า แม้กำไรต่อชิ้นจะลดน้อยลง (เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมให้ผู้ออกบัตรเครดิต) แต่ก็จะขายได้เยอะขึ้น ได้เงินมากขึ้นส่วนที่ร้านค้าต้องจ่ายก็มีค่าธรรมเนียมการรูดบัตรเครดิต และเสียดอกเบี้ยให้ธนาคาร 

อันดับสุดท้ายพวกเราในฐานะลูกค้า ผู้รูดบัตรเครดิตจะได้อะไร เราก็จะได้สินค้าโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนโต ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย เผลอๆได้โปรโมชั่นแถมเพิ่มเติมมาอีก เช่นได้ Cash Back หรือส่วนลดตามโปรโมชั่นบัตรเคดิต ได้รับคะแนนสะสมจากบัตรเคดิต

และที่สำคัญ อย่าเผลอช๊อต ต้องจ่ายแค่ขึ้นต่ำ หรือไม่ได้จ่ายเต็มวงเงิน สถาบันการเงินที่ออกบัตรเครดิต เขาก็จะได้กินดอกเบี้ย จากเราตามที่เข้าใจนั้นเอง

เพื่อให้เข้าใจง่ายๆสมมุติอย่างนี้ครับ ถ้าเราซื้อของแบบผ่อน 0% ไม่ว่าจะเป็น 0% 10 เดือน หรือ 0% 12 เดือน หลายๆที่เราจะเห็นว่ายิ่งผ่อน 0% นานขึ้น เราก็จะยิ่งได้ส่วนลดเพิ่มขึ้นอีก ทำเอาเรายิ่งงงเข้าไปใหญ่ แบงค์ได้อะไร รายได้ของแบงค์ก็มาจากตรงนี้แหละครับ (แบงค์ไม่โง่แน่นอน) ถ้าเรารูดซื้อของแล้ว แต่เราเลือกจ่ายแบบเต็มจำนวนทีเดียวจบ ในรอบบิลนั้น โอกาศที่แบงจะได้ดอกเบี้ยจากเราเนื่องจากลืมจ่าย หาเงินไม่ทัน ฯลฯ ก็จะมีเพียงแค่ครั้งเดียว แต่พอเป็น 0% 10 เดือน โอกาสที่แบงค์จะได้ดอกเบี้ยจากเราเพิ่มขึ้นเป็น 10 ครั้งเลย เพราะเราต้องทยอยจ่ายไป 10 ครั้ง (หรือ 10 เดือน) ซึ่งโอกาสที่ทำให้เราไปจ่ายไม่ทันกำหนด ก็เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า

ถ้าเราจ่ายไม่ทันแค่ครั้งเดียว ส่วนการคิดดอกเบี้ยกรณีผิดเงื่อนไข เช่น แทนที่จะจ่ายเต็มจำนวน กลับไปชำระขั้นต่ำแทน กรณีนี้เราก็ต้องเสียดอกเบี้ย เสียเท่าไหร่ ก็เท่ากับกรณีปกติ โดยดูว่ายอดที่เราค้างชำระกับแบงค์มีเท่าไหร่ ยอดที่ค้างชำระกับแบงค์ไม่ใช่ยอดที่เรารูดนะครับ ยอดที่เรารูดเป็นวงเงินที่แบงค์ให้เราครับ อย่างเช่น รูดซื้อของ 24,000 บาท ผ่อน 0% 12 เดือน เท่ากับเราต้องจ่ายเดือนละ 2,000 บาท ยอดรูด 24,000 บาท คือวงเงินที่แบงค์ให้

ส่วนยอดที่รูดจริงๆในแต่ละเดือนคือ 2,000 บาท ยอดนี้หล่ะครับหากเราจ่ายไม่เต็มจำนวนในเวลาที่กำหนด เราก็จะโดนแบงค์คิดดอกเบี้ย


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โปรโมชั่นบัตรเครดิตใช้อย่างไรให้คุ้ม

แนะนำแหล่งสร้างรายได้

ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคิดยังไง