วิธีเลือกบัตรเครดิต

 การหาบัตรเครดิตที่ถูกใจ ก็เหมือนกับการ"ช้อปปิ้ง"หาของที่ถูกใจ เราต้องหาบัตรเครดิตที่ให้ผลประโยชน์เราได้ดีที่สุด 


การมีบัตรเครดิตไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบัน ผู้ออกบัตรเครดิตจะพิจารณาจากคุณสมบัติขอผู้สมัครบัตรเครดิต ดังนี้ 

● ความน่าเชื่อถือ โดยพิจารณาจากประวัติการใช้สินเชื่อ ประวัติการชำระเงินคืน วินัยในการใช้สินเชื่อ ประวัติการชำระหนี้ของ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Cradit Bureau Co.,Lrd) การมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง อาชีพ และบุคคลอ้างอิง เป็นต้น

● ความสามารถในการชำระหนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้

० มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน หรือ
૦ มีเงินฝากเป็นหลักประกันเต็มวงเงิน หรือ
૦ มีเงินฝากกับธนาคารไม่น้อยกว่า 500,000 บาท เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ
૦ มีเงินฝากออมทรัพย์ หรือมีเงินลงทุนในตราสารหนี้  หรือลงทุนในกองทุนรวมไม่น้อยกว่า  1ล้านบาท เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน โดยวงเงินที่ผู้ถือบัตรเครดิตจะได้รับ จากผู้ออกบัตรเครดิตจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ออกบัตรเครดิต แต่สูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน



ปัจจุบันผู้ออกบัตรเครดิตไม่ว่าจะเป็นธนาคารพานิชย์ หรือสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพานิชย์ ต่างพากันออกกลยุทธ์ต่างๆมาชักชวนผู้บริโภคให้มาใช้บัตรเครดิตมากมาย อาทิ

การยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า และรายปี การให้ของแถมตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันกว่าบาทสำหรับผู้สมัครใหม่ การให้โบนัส หรือรางวัลเป็นสิ่งของหากมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตถึงเป้าที่กำหนด การให้ส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้า หรือบริการบางอย่าง หรือการใช้นโยบายราคาโดยลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับโอนหนี้เพื่อแย่งชิงลูกค้ากลุ่มเดิม


ทั้งนี้เพราะรายได้ และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากร้านค้า หรือลูกค้า เป็นรายได้หลักอย่างหนึ่งของพวกสถาบันการเงิน

การแข่งขันที่รุนแรงนี้ทำให้พูดได้ว่า่ตลาดบัตรเครดิตในปัจจุบันเป็นของผู้บริโภคก็ย่อมได้ อย่างไรก็ตามการตัดสินใจของเราในฐานะผู้บริโภคที่จะถือบัตรเครดิตสักใบ หรือจะใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่มีอยู่แล้ว ก็ต้องคิดพิจารณาให้ดี

ฉนั้นการหาบัตรเครดิตที่ถูกใจนั้นก็เหมือนกับการ"ช้อปปิ้ง"หาของที่ถูกใจ เราต้องหาบัตรเครดิตที่ให้ผลประโยชน์กับเราดีที่สุด หรือให้ข้อเสนอพิเศษในส่วนลดของสินค้า หรือบริการต่างๆ ที่เราจะได้ใช้จริงๆ 

งันเรามาลองเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับตนเองกันดูนะครับ ว่ามีหลักการ หรือวิธีการเลือกอย่างไรบ้าง 

เลือกบัตรเครดิตที่ใช่ ตรงกับไลฟ์สไตล์ ของตัวเรา อย่างเช่น

● เลือกบัตรเครดิตร่วมที่สถาบันการเงินออกร่วมกับองค์กรธุรกิจที่เราใช้บริการบ่อย เช่น บัตรเครดิตที่ออกร่วมกับบริษัทน้ำมัน หรือบัตรเครดิตที่ออกร่วมกับโรงพยาบาล เป็นต้น เพราะบัตรเครดิตร่วมจะมีส่วนลด หรือสิทธิประโยชน์พิเศษเมือเราใช้บัตรเครดิตร่วมซื้อสินค้า หรือใช้บริการขององค์กรธุรกิจนั้นๆ เช่น บัตรเครดิตที่ออกร่วมกับโรงพยาบาล ก็มักจะให้ส่วนลดพิเศษ หรือเงินคืนแล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอีกมากมาย เช่น ส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ป่วยใน ส่วนลดพิเศษสำหรับโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี เป็นต้น

ดังนั้น การพิจารณาดูที่โปรโมชั่น หรือสิทธิพิเศษที่บัตรเครดิตให้ก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เราอาจเลือกบัตรเครดิตที่ทำโปรโมชั่นกับห้างสรรพสินค้าที่เราไปซื้อของเป็นประจำ 

แต่ทั้งนี้ ก่อนสมัครต้องพิจารณาดีๆ เพราะโปรโมชั่นที่ให้มามักไม่ยั่งยืน หรือมีเงื่อนไขมาก หรือไม่เหมาะกับเรา เช่น ให้เงินคืน 3% เมื่อเติมน้ำมันผ่านบัตรเครดิตเป็นเวลา 3 เดือน เฉพาะปั้มตราหอยเท่านั้น 

ถ้าเป็นอย่างนี้ เลือกบัตรเครดิตที่ให้โปรโมชั่นที่เติมน้ำมันแล้วได้เงินคืน 2%  แบบไม่กำหนดระยะเวลา เมื่อเติมน้ำมันปั้มใหนก็ได้ผ่านบัตรเครดิตจะดีกว่า เพราะแม้ว่าจะให้ส่วนลดน้อยกว่า แต่ถ้ามองระยะยาวแล้วคุ้มค่ากว่า และก็อาจจะสะดวกกับเรามากกว่าด้วยถ้าเส้นทางที่เราใช้ไม่มีปั้มตราหอย



● เลือกบัตรเครสะสมไมล์ ถ้าเราเดินทางบ่อย บัตรชนิดนี้จะเหมาะกับคนชอบเดินทาง ก็อาจเลือกบัตรเครดิตที่เอาคะแนนไปแลกไมล์สะสมของสายการบินที่เราใช้บ่อยก็ได้ บัตรแบบนี้มักเหมาะกับผู้ที่ชำระแบบเต็มจำนวนในกำหนดระยะเวลา เพราะบัตรเครดิตชนิดนี้มักจะคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัตรเครดิตทั่วไป แต่จะมี "ไมล์สะสม"ให้สำหรับเงินทุกบาทที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งไมล์ก็จะแตกต่างกันไปตามโปรแกรมต่างๆ บางบัตรเครดิตให้สิทธิประโยชน์เพิ่ม เช่น ฟรี ห้องพักรับรอง เป็นต้น และโปรแกรมสะสมไมล์นี้ก็ไม่เหมือนกัน จะแตกต่างกันไปในรายละเอียด ว่าได้แต้มมาได้อย่างไร ข้อจำกัดต่างๆเป็นอย่างไร รวมถึงวันหมดอายุ


● สำหรับขาช๊อปต้องเลือกบัตรเครดิตสะสมแต้ม เคยเป็นโปรโมชั่นสุดฮิตที่ผู้ออกบัตรเครดิตทุกเจ้าใช้กัน โปรโมชั่นนี้จะเหมาะกับเรามาก ถ้าเราเป็นคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเยอะ และไม่คิดจะมีหนี้บัตรเครดิต ยิ่งเราช๊อปมาเราก็ยิ่งมีคะแนนสะสมมาก คะแนนนี้สมารถนำไปแลกสิ่งของ หรือบริการ หรือแลกเป็นเงินสดคืนก็ได้แล้วแต่บัตรเครดิต


โปรโมชั่นสุดฮิตต้องบัตรเครดิตคืนเงิน (cash back) มาระยะหลังการให้คะแนนสะสมแต้มมีความนิยมลดลงเรื่อยๆ เพราะหลายครั้งของที่ให้แลกก็ไม่โดน หรือโดนก็ต้องใช้คะแนนแลกสูงเกินไป ทำให้ในช่วงหลังมีโปรโมชั่นคืนเงินให้กันตรงๆเลย ไม่ต้องสะสมแต้มให้ยุ่งยาก และเงินก็เป็นสิ่งที่เป็นสากลสามารถเอาไปซื้อของที่อยากได้

โดยปกติบัตรเครดิตแบบคืนเงิน จะมีเงินคืนที่แตกต่างกัน ก็จะอยู่ที่ราวๆ 0.25 - 3 % โดยขึ้นอยู่กับมูลค่าการซื้อ และสินค้า หรือบริการที่ซื้อ ส่วนการยกยอดเงินคืนให้จะเป็นรูปแบบใดบ้างนั้นเราต้องทำความเข้าใจใหดีก่อนด้วย




เลือกบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ บัตรเครดิตประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจ และใช้บัตรเครดิตในการทำธุรกิจต่างๆ และต้องการแยกค่าใช้จ่ายนี้ออกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว บัตรเครดิตนี้มักจะมีส่วนลดให้ในร้านค้า หรือบริษัทพันธมิตร ที่จะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจของคุณได้




เลือกชาร์จการ์ด บัตรเครดิตนี้จะเหมาะกับผู้ที่ไม่อยากเป็นหนี้บัตรเครดิต เพราะบัตรชนิดนี้ต้องจ่ายเงิน "เต็มจำนวน"ทุกเดือน แม้ว่าชาร์จการ์ดจะมีค่าธรรมเนียมรายปีสูงกว่า แต่ก็มักจะมีสิทธิประโยชน์มากกว่าเช่นกัน และยังไม่นับรวมถึงการจ่ายผ่านบัตรเครดิต ในรายการสะสมคะแนนที่มักดึงดูดใจ ด้วยข้อเสนอที่ดีกว่า

เลือกบัตรเครดิตที่เราสะดวกในการชำระเงิน ความสะดวกสะบายในการชำระเงินก็เป็นส่วนสำคัญที่ควรคำนึงถึง บัตรเครดิตส่วนใหญ่สมารถให้เราชำระผ่านได้หลายๆช่องทาง ไม่ว่าจะผ่านทาง Counter หรือผ่านทาง Internet Banking หรือ Mobile Banking ได้ แต่หากเป็นการชำระเงินกับสถาบันการเงินที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิตนั้น เราก็จะไม่เสียค่าธรรมเนียม 

เลือกบัตรเครดิตที่มีจำนวนร้านค้าที่รับบัตรเครดิตเยอะ ก็ถ้าเราทำบัตรเครดิตก็เพื่อมาใช้จ่าย ถ้าโปรโมชั่นดีเลิศ แต่มีร้านค้าไม่กี่ร้านที่รับบัตรเครดิต  ต่อให้โปรโมชั่นดียังไง ก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนกับมีรถเก๋งสุดหรู แต่ไม่มีปั้มน้ำมันให้เติม รถก็วิ่งไม่ได้อยู่ดี





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โปรโมชั่นบัตรเครดิตใช้อย่างไรให้คุ้ม

แนะนำแหล่งสร้างรายได้

ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคิดยังไง